วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

หาเงินใช้จากจากตลาดหุ้นด้วยการอ่าน Fund Flow นักลงทุนต่างชาติ

หุ้นก็เหมือนกันสินค้าอื่นๆ ถ้ามีความต้องการซื้อเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องด้วยเช่นกัน จึงเป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าถ้านักลงทุนต่างชาติ (ผู้เป็นหลักในการกำหนดทิศทางของตลาดของไทย) มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องหุ้นก็จะขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย

แนวคิดนี้มาเป็นที่นิยมจากเมื่อหลายปีก่อน ช่วงนั้น Style การลงทุนของ เอกพิทยา เอี่ยมคงเอก (นักวิเคราะห์ที่กำลังดังช่วงนั้น) กำลังมาแรง โดยจะเน้นไปที่หุ้น BBL ซึ่งเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับ SET Index และจะซื้อต่อเมื่อฝรั่งมีการซื้อหนักๆ หลายๆพันล้านบาท และ BBL ปรับตัวขึ้น 3-4 % และขายเมื่อนักลงทุนต่างชาติทยอยขายอย่างมีนัยสำคัญ

ต่อมาเมื่อปี 49 ด้วยหลายปัจจัย จึงได้ลองLoad
http://www.set.or.th/th/market/files/Table_ForeignTrade.xls (ไฟล์ข้อมูลซื้อขายต่างชาติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2538 จาก set.or.th) มา Match กับไฟล์
http://www.set.or.th/th/market/files/Table_Index.xls (ไฟล์ข้อมูลดัชนี Set ย้อนหลังตั้งแต่เมษา 2518 จาก set.or.th เหมือนกัน)

ทดสอบ จาก Feb 1995 ถึง Nov 2009 ต่างชาติซื้อทั้งสิ้น 89 เดือน ขาย 89 เดือนเท่ากันพอดี

จากจำนวนประชากร 89 เดือนที่ต่างชาติซื้อมากกว่าขาย (F.BUY(n)-F.SELL(n) > 0)
- หุ้นจะปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 4.115 %ต่อเดือน [ดัชนีสิ้นเดือนของเดือนที่(n) - ดัชนีสิ้นเดือนของเดือนที่(n-1)]/ดัชนีสิ้นเดือนของเดือนที่(n-1)
- ส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน 8.279 : Max +30.176%ต่อเดือน : Min -19.522%ต่อเดือน
- สมมุติให้ข้อมูลมีการกระจายปกติ ใช้ตัวแบบสถิติ Z test ได้ ความน่าจะเป็นที่ค่าเฉลี่ยจะมีค่าสูงกว่า 0% (มีดัชนีปรับเพิ่มขึ้น) = 99.998632 %

สรุปแบบงงๆได้ว่า จากข้อมูลในอดีต เกือบ14ปี เดือนไหนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ แล้วมีคนซื้อหุ้นไว้ในวันสุดท้ายของเดือนก่อนหน้าแล้วรอไป 1 เดือน ความน่าจะเป็นที่จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย(ของทุกประชากร)จะเป็นบวกมีถึง 99.998632 % นั่นเอง

สรุปมั่วๆไปได้ว่า ต่างชาติซื้อหุ้นจะขึ้น จากนั้นจึงหาปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลต่อการซื้อของต่างชาติ ซึ่งได้นำ
- ค่าเงินบาทเทียบกับเงินสกุลหลักต่างๆ
- ปริมาณการซื้อ-ขาย ของนักลงทุนต่างชาติของวันก่อนๆ ในไทย
- ปริมาณการซื้อ-ขาย ของนักลงทุนต่างชาติของวันก่อนๆ ในอินเดีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และ เวียทนาม
- การเคลื่อนไหววันก่อนๆ SET Index
- ฯลฯ

มาพิจารณาจังหวะเข้าซื้อขาย โดยช่วงแรกได้ทดลองใช้กับ TDEX (Set50 ETF)ซึ่งเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับ SET มาก แต่เมื่อเงินมากขึ้นติดปัญหาว่าพอจะซื้อ/ขาย แต่บางครั้งสภาพคล่องมีไม่พอ ราคาเปลี่ยนหลายช่อง ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเทรด PTT แทน (จากการ Simulate ย้อนกลับ หุ้นที่มีBeta สูงกว่า และสภาพคล่องพอใช้ได้อย่าง PTTAR TTA หรือ PTTEP ให้ผลตอบแทนสูงกว่า PTT มาก)

และจากที่ได้ เริ่มเล่น Facebook (เพื่อเล่นเกมส์ Mafia Wars) เมื่อต้นเดือน กันยายน 2552
เพื่อความสนุกสนานจึงได้เริ่ม Publish จังหวะการซื้อขาย ซึ่งใช้กับ Port ที่ไปเปิดมาใหม่พอดีโดยตั้งชื่อว่า

Facebook - Port ซื้อขายหุ้นที่ราคาเปิดเพื่อความบันเทิง

ประเภทการลงทุน : Gambling (การพนัน) [ไม่สนการดำเนินธุรกิจ เงินปันผล หรือ สิทธิประโยชน์อื่นๆ เน้นที่ราคาซื้อ-ขาย]
กลยุทธ์การลงทุน : Poker (เกมส์ไพ่) [ใช้ข้อมูลตัวเลขที่มีอ่านจิตใจคนอื่น แล้วทุ่มสุดตัวเมื่อเห็นว่ากำไรแน่]
หุ้นที่เลือก : Blue Chips (เหรียญแทนเงินสีน้ำเงิน ที่ใช้ในคาสิโน มักมีมูลค่าสูงกว่าสีอื่นๆ) [เน้นหุ้นขนาดใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขาย และมีทิศทางของราคาใกล้เคียงตลาด]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น