Q: ความเสี่ยงหลักๆมีอะไรบ้าง
A:
- ต่างชาติซื้อแต่หุ้นลง แน่นอนว่าต่างชาติเป็น market maker ของหุ้นไทย แต่ถ้ามีบางปัจจัยที่ในประเทศต้องการขายมากกว่าต่างชาติที่เข้ามาซื้อ หุ้นก็ลงได้
- วันนึง Model อาจใช้ไม่ได้ เนื่องจากข้อมูลย้อนหลัง 14 ปี ไม่ได้บอกว่า อนาคตจะซ้ำรอยเดิม
- อ่าน Fund Flow ผิด ต่างชาติจะซื้อหรือขายมาจากหลายปัจจัย บางครั้งอ่านเกมส์ล่วงหน้าว่าต่างชาติจะซื้อ แต่อ่านผิดก็เป็นไปได้
Q: ผลตอบแทนในกราฟทำไมเปลี่ยนแปลงไม่เท่ากับ ราคาหุ้นที่เปลี่ยนไป
A:
1. เราไม่ได้ถือหุ้นตลอดเวลา บางช่วงที่ถือเงินสด 100% ผลตอบแทนจะไม่แปรผันตามหุ้นเลย
2. เป็น Port ซื้อขายจริงๆ ต้องเสียค่าคอมมิชชั่นและภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
3. มีข้อจำกัดเรื่องเงิน ด้วย เนื่องจากเงินมีน้อยและหุ้น PTT ก็ค่อนข้างแพง ทำให้ซื้อได้ไม่เต็มจำนวนเงิน ต้องถือเงินสดไว้บางส่วนอยู่เกือบตลอด
4. เป็น Port แบบทบต้น ดังนั้นถ้าช่วงไหนกำไรอยู่ ซื้อหุ้นได้มากขึ้น ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับฐาน ก็จะเปลี่ยนแปลงเป็น % ที่มากกว่าด้วย
5. ราคาที่ซื้อขายจะใช้ราคาเปิด ถ้าเปิดโดด หรือ เปิดย่อ จะทำให้ผลตอบแทนแตกต่างจากราคาหุ้นที่เทียบกับราคาปิดของวันก่อนหน้า
Q: ทำไมต้องใช้ราคาเปิด
A: ไม่จำเป็นครับ ที่ใช้ราคาเปิดใช้เพื่อให้ไม่ต้องมานั่งดูหุ้นหรือปััจจัยต่างๆระหว่างวัน สามารถตั้งซื้อ/ขายล่วงหน้าไว้ได้เลย อีกทั้งยังอ้างอิงได้ง่าย แต่สำหรับคนที่ต้องการกำไรสูงสุดอาจหาจังหวะซื้อขายหรือเล่นรอบด้วยตนเองได้ครับ
วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552
หาเงินใช้จากจากตลาดหุ้นด้วยการอ่าน Fund Flow นักลงทุนต่างชาติ
หุ้นก็เหมือนกันสินค้าอื่นๆ ถ้ามีความต้องการซื้อเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องด้วยเช่นกัน จึงเป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าถ้านักลงทุนต่างชาติ (ผู้เป็นหลักในการกำหนดทิศทางของตลาดของไทย) มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องหุ้นก็จะขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย
แนวคิดนี้มาเป็นที่นิยมจากเมื่อหลายปีก่อน ช่วงนั้น Style การลงทุนของ เอกพิทยา เอี่ยมคงเอก (นักวิเคราะห์ที่กำลังดังช่วงนั้น) กำลังมาแรง โดยจะเน้นไปที่หุ้น BBL ซึ่งเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับ SET Index และจะซื้อต่อเมื่อฝรั่งมีการซื้อหนักๆ หลายๆพันล้านบาท และ BBL ปรับตัวขึ้น 3-4 % และขายเมื่อนักลงทุนต่างชาติทยอยขายอย่างมีนัยสำคัญ
ต่อมาเมื่อปี 49 ด้วยหลายปัจจัย จึงได้ลองLoad
http://www.set.or.th/th/market/files/Table_ForeignTrade.xls (ไฟล์ข้อมูลซื้อขายต่างชาติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2538 จาก set.or.th) มา Match กับไฟล์
http://www.set.or.th/th/market/files/Table_Index.xls (ไฟล์ข้อมูลดัชนี Set ย้อนหลังตั้งแต่เมษา 2518 จาก set.or.th เหมือนกัน)
ทดสอบ จาก Feb 1995 ถึง Nov 2009 ต่างชาติซื้อทั้งสิ้น 89 เดือน ขาย 89 เดือนเท่ากันพอดี
จากจำนวนประชากร 89 เดือนที่ต่างชาติซื้อมากกว่าขาย (F.BUY(n)-F.SELL(n) > 0)
- หุ้นจะปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 4.115 %ต่อเดือน [ดัชนีสิ้นเดือนของเดือนที่(n) - ดัชนีสิ้นเดือนของเดือนที่(n-1)]/ดัชนีสิ้นเดือนของเดือนที่(n-1)
- ส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน 8.279 : Max +30.176%ต่อเดือน : Min -19.522%ต่อเดือน
- สมมุติให้ข้อมูลมีการกระจายปกติ ใช้ตัวแบบสถิติ Z test ได้ ความน่าจะเป็นที่ค่าเฉลี่ยจะมีค่าสูงกว่า 0% (มีดัชนีปรับเพิ่มขึ้น) = 99.998632 %
สรุปแบบงงๆได้ว่า จากข้อมูลในอดีต เกือบ14ปี เดือนไหนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ แล้วมีคนซื้อหุ้นไว้ในวันสุดท้ายของเดือนก่อนหน้าแล้วรอไป 1 เดือน ความน่าจะเป็นที่จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย(ของทุกประชากร)จะเป็นบวกมีถึง 99.998632 % นั่นเอง
สรุปมั่วๆไปได้ว่า ต่างชาติซื้อหุ้นจะขึ้น จากนั้นจึงหาปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลต่อการซื้อของต่างชาติ ซึ่งได้นำ
- ค่าเงินบาทเทียบกับเงินสกุลหลักต่างๆ
- ปริมาณการซื้อ-ขาย ของนักลงทุนต่างชาติของวันก่อนๆ ในไทย
- ปริมาณการซื้อ-ขาย ของนักลงทุนต่างชาติของวันก่อนๆ ในอินเดีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และ เวียทนาม
- การเคลื่อนไหววันก่อนๆ SET Index
- ฯลฯ
มาพิจารณาจังหวะเข้าซื้อขาย โดยช่วงแรกได้ทดลองใช้กับ TDEX (Set50 ETF)ซึ่งเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับ SET มาก แต่เมื่อเงินมากขึ้นติดปัญหาว่าพอจะซื้อ/ขาย แต่บางครั้งสภาพคล่องมีไม่พอ ราคาเปลี่ยนหลายช่อง ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเทรด PTT แทน (จากการ Simulate ย้อนกลับ หุ้นที่มีBeta สูงกว่า และสภาพคล่องพอใช้ได้อย่าง PTTAR TTA หรือ PTTEP ให้ผลตอบแทนสูงกว่า PTT มาก)
และจากที่ได้ เริ่มเล่น Facebook (เพื่อเล่นเกมส์ Mafia Wars) เมื่อต้นเดือน กันยายน 2552
เพื่อความสนุกสนานจึงได้เริ่ม Publish จังหวะการซื้อขาย ซึ่งใช้กับ Port ที่ไปเปิดมาใหม่พอดีโดยตั้งชื่อว่า
Facebook - Port ซื้อขายหุ้นที่ราคาเปิดเพื่อความบันเทิง
ประเภทการลงทุน : Gambling (การพนัน) [ไม่สนการดำเนินธุรกิจ เงินปันผล หรือ สิทธิประโยชน์อื่นๆ เน้นที่ราคาซื้อ-ขาย]
กลยุทธ์การลงทุน : Poker (เกมส์ไพ่) [ใช้ข้อมูลตัวเลขที่มีอ่านจิตใจคนอื่น แล้วทุ่มสุดตัวเมื่อเห็นว่ากำไรแน่]
หุ้นที่เลือก : Blue Chips (เหรียญแทนเงินสีน้ำเงิน ที่ใช้ในคาสิโน มักมีมูลค่าสูงกว่าสีอื่นๆ) [เน้นหุ้นขนาดใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขาย และมีทิศทางของราคาใกล้เคียงตลาด]
แนวคิดนี้มาเป็นที่นิยมจากเมื่อหลายปีก่อน ช่วงนั้น Style การลงทุนของ เอกพิทยา เอี่ยมคงเอก (นักวิเคราะห์ที่กำลังดังช่วงนั้น) กำลังมาแรง โดยจะเน้นไปที่หุ้น BBL ซึ่งเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับ SET Index และจะซื้อต่อเมื่อฝรั่งมีการซื้อหนักๆ หลายๆพันล้านบาท และ BBL ปรับตัวขึ้น 3-4 % และขายเมื่อนักลงทุนต่างชาติทยอยขายอย่างมีนัยสำคัญ
ต่อมาเมื่อปี 49 ด้วยหลายปัจจัย จึงได้ลองLoad
http://www.set.or.th/th/market/files/Table_ForeignTrade.xls (ไฟล์ข้อมูลซื้อขายต่างชาติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2538 จาก set.or.th) มา Match กับไฟล์
http://www.set.or.th/th/market/files/Table_Index.xls (ไฟล์ข้อมูลดัชนี Set ย้อนหลังตั้งแต่เมษา 2518 จาก set.or.th เหมือนกัน)
ทดสอบ จาก Feb 1995 ถึง Nov 2009 ต่างชาติซื้อทั้งสิ้น 89 เดือน ขาย 89 เดือนเท่ากันพอดี
จากจำนวนประชากร 89 เดือนที่ต่างชาติซื้อมากกว่าขาย (F.BUY(n)-F.SELL(n) > 0)
- หุ้นจะปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 4.115 %ต่อเดือน [ดัชนีสิ้นเดือนของเดือนที่(n) - ดัชนีสิ้นเดือนของเดือนที่(n-1)]/ดัชนีสิ้นเดือนของเดือนที่(n-1)
- ส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน 8.279 : Max +30.176%ต่อเดือน : Min -19.522%ต่อเดือน
- สมมุติให้ข้อมูลมีการกระจายปกติ ใช้ตัวแบบสถิติ Z test ได้ ความน่าจะเป็นที่ค่าเฉลี่ยจะมีค่าสูงกว่า 0% (มีดัชนีปรับเพิ่มขึ้น) = 99.998632 %
สรุปแบบงงๆได้ว่า จากข้อมูลในอดีต เกือบ14ปี เดือนไหนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ แล้วมีคนซื้อหุ้นไว้ในวันสุดท้ายของเดือนก่อนหน้าแล้วรอไป 1 เดือน ความน่าจะเป็นที่จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย(ของทุกประชากร)จะเป็นบวกมีถึง 99.998632 % นั่นเอง
สรุปมั่วๆไปได้ว่า ต่างชาติซื้อหุ้นจะขึ้น จากนั้นจึงหาปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลต่อการซื้อของต่างชาติ ซึ่งได้นำ
- ค่าเงินบาทเทียบกับเงินสกุลหลักต่างๆ
- ปริมาณการซื้อ-ขาย ของนักลงทุนต่างชาติของวันก่อนๆ ในไทย
- ปริมาณการซื้อ-ขาย ของนักลงทุนต่างชาติของวันก่อนๆ ในอินเดีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และ เวียทนาม
- การเคลื่อนไหววันก่อนๆ SET Index
- ฯลฯ
มาพิจารณาจังหวะเข้าซื้อขาย โดยช่วงแรกได้ทดลองใช้กับ TDEX (Set50 ETF)ซึ่งเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับ SET มาก แต่เมื่อเงินมากขึ้นติดปัญหาว่าพอจะซื้อ/ขาย แต่บางครั้งสภาพคล่องมีไม่พอ ราคาเปลี่ยนหลายช่อง ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเทรด PTT แทน (จากการ Simulate ย้อนกลับ หุ้นที่มีBeta สูงกว่า และสภาพคล่องพอใช้ได้อย่าง PTTAR TTA หรือ PTTEP ให้ผลตอบแทนสูงกว่า PTT มาก)
และจากที่ได้ เริ่มเล่น Facebook (เพื่อเล่นเกมส์ Mafia Wars) เมื่อต้นเดือน กันยายน 2552
เพื่อความสนุกสนานจึงได้เริ่ม Publish จังหวะการซื้อขาย ซึ่งใช้กับ Port ที่ไปเปิดมาใหม่พอดีโดยตั้งชื่อว่า
Facebook - Port ซื้อขายหุ้นที่ราคาเปิดเพื่อความบันเทิง
ประเภทการลงทุน : Gambling (การพนัน) [ไม่สนการดำเนินธุรกิจ เงินปันผล หรือ สิทธิประโยชน์อื่นๆ เน้นที่ราคาซื้อ-ขาย]
กลยุทธ์การลงทุน : Poker (เกมส์ไพ่) [ใช้ข้อมูลตัวเลขที่มีอ่านจิตใจคนอื่น แล้วทุ่มสุดตัวเมื่อเห็นว่ากำไรแน่]
หุ้นที่เลือก : Blue Chips (เหรียญแทนเงินสีน้ำเงิน ที่ใช้ในคาสิโน มักมีมูลค่าสูงกว่าสีอื่นๆ) [เน้นหุ้นขนาดใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขาย และมีทิศทางของราคาใกล้เคียงตลาด]
วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ต่างชาติกลับมาแล้ว ซื้อตาม
3 Dec 2009
ต่างชาติทะยอยซื้ออีกครั้งเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันโดยเมื่อวานซื้อถึง 1200+ ล้านบาท และค่าเงินบาทแข็งค่าเพิ่มอีกต่อเนื่อง เป็นจังหวะเข้าซื้อ
แนะนำเข้าเก็บหุ้นดัชนี
ซื้อเปิด PTT

Action History
PTT ซื้อ 3/12/2009 ATO
ต่างชาติทะยอยซื้ออีกครั้งเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันโดยเมื่อวานซื้อถึง 1200+ ล้านบาท และค่าเงินบาทแข็งค่าเพิ่มอีกต่อเนื่อง เป็นจังหวะเข้าซื้อ
แนะนำเข้าเก็บหุ้นดัชนี
ซื้อเปิด PTT
Action History
PTT ซื้อ 3/12/2009 ATO
PTT ขาย 1/12/2009 224
PTT ซื้อ 24/11/2009 228
PTT ขาย 9/11/2009 245
PTT ซื้อ 4/11/2009 230
PTT ขาย 29/10/2009 246
PTT ซื้อ 27/10/2009 254
PTT ขาย 20/10/2009 267
PTT ซื้อ 6/10/2009 260
PTT ขาย 23/9/2009 268
PTT ซื้อ 7/9/2009 241
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)